วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

การขายของออนไลน์

1. เปิดเว็บขายของเอง มีเว็บไซต์สำเร็จรูปมากมายที่ให้เราสมัครขายของได้ฟรี เช่น www.weloveshopping.com, www.tarad.com เว็บไซต์เหล่านี้ให้เราลองเปิดร้านขายของได้ก่อน แต่จะวางได้จำกัดชิ้น เมื่อเราคุ้นเคยและขายของจำนวนมากๆ เห็นว่าได้เงินคุ้มค่า ต้องการเพิ่มจำนวนสินค้า ก็ค่อยอัพเกรดร้านให้ใหญ่ขึ้น โดยการจ่ายเงินเช่าพื้นที่วางขายนั่นเองครับ คือ ต้องจ่ายค่าบริการครับ


ตัวอย่างเว็บขายขายสินค้าใน www.weloveshopping.com



ตัวอย่างเว็บขายขายสินค้าใน www.tarad.com

ข้อดีคือ เป็นร้านของเราเอง ไม่มีสินค้าของคนอื่นมาวางแข่ง แย่งความสนใจของลูกค้าให้ไขว้เขว

ผลเสีย หากเป็นเว็บของเราเอง จะยากตรงที่จะทำอย่างไรให้คนรู้จักเดินมาที่ร้านของเราเดินตรง ต้องโปรโมทเว็บร้านค้าของเราให้คนรู้จัก หรือต้องจ่ายค่าโฆษณา อันนี้เป็นเรื่องใหญ่พอดู

2. ขายของในตลาดนัด ในบ้านเรามีตลาดนัดออนไลน์อยู่มากมาย เช่น www.thaisecondhand.com ประกาศขายของมือสอง, http://shopping.sanook.com แหล่งให้ประกาศขายของได้ฟรี คนขายและคนซื้อก็จะเข้าไปเจอกันตามหมวดหมู่ของสินค้า


ตัวอย่างการโพสต์ขายสินค้าในเว็บ Thaisecondhand.com


ตัวอย่างการโพสต์ขายสินค้าบนเว็บ shopping.sanook.com

ข้อดี ตลาดนัด คนมาเดินกันเยอะ เราไม่ต้องไปโฆษณา หรือประชาสัมพันธ์ให้ยุ่งยาก คนเข้ามาก็คงจะเห็นหรือผ่านสินค้าเราไปบ้าง

ข้อเสีย สินค้ามีคู่แข่งเยอะ ต้องใช้กลยุทธ์ ในการแย่งลูกค้า ทั้งราคา คุณภาพ ความน่าเชื่อถือ ความคุ้มค่า แพ็คเกจ และโปรโมชั่นต่างๆ

หรือจะขายในตลาดนัดระดับโลกอย่าง Ebay.com จะเพิ่มกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก แต่ก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด และต้องเรียนรู้เทคนิคมากมาย การวางขายจะถูกเก็บส่วนแบ่งค่าวางขาย หลังจากที่เราขายสินค้าได้แล้ว แต่จะบริหารเรื่องการจัดส่ง และคุณภาพสินค้า เพราะถ้าลูกค้าคอมเมนต์ลงไปในเว็บ เราอาจจะต้องคืนเงืนให้ลูกค้า และต้องเสียเครดิตทำให้คนไม่เข้าร้าน


ตัวอย่างการโพสต์ขายสินค้าบนเว็บ Ebay.com

3. การขายของบน Facebook เป็นการขายของผ่านเครือข่ายเพื่อนๆ ของเราบน Facebook มีข้อดีที่ลูกค้าสามารถรับการเคลื่อนไหวทันทีที่เราอัพเดตข้อมูล แต่ปัจจุบันก็มีคนขายกันจำนวนมาก อันนี้ก็ต้องอาศัยกลยุทธในการหาสินค้า ตั้งราคา และโปรโมชั่นด้วย


ตัวอย่างการโพสต์ขายสินค้าบน Facebook.com

สรุปการขายของบนเว็บ เราต้องแม่นยำในเรื่องของสินค้า คุมต้นทุนเพื่อจะตั้งราคาที่ดึงดูด และทำโปรโมชั่นได้ บริหารจัดการสินค้าหากสต๊อกจำนวนมากขายไม่ได้ก็อาจจะแบกรับต้นทุนไม่ไหว การขนส่งต้องดีและไม่แพง รวมทั้งเว็บร้านค้าต้องทำให้คนรู้จักและเข้าร้านของเราบ่อยๆ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น